ความต้องการสำหรับผ้าไหมไทยในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น


ความต้องการสำหรับผ้าไหมไทยในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น

ที่มา https://www.google.co.th/search?q=ผ้าไหมไทย&espv=2&biw=


           การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามความต้องการใช้ผ้าไหมไทยในตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น อธิบดีกรมหม่อนไหมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยในตลาดประเทศสหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่นและประเทศในยุโรปยังคงอยู่ในความต้องการที่ดีในขณะที่บางประเทศในตะวันออกกลาง เช่น โอมาน ได้เริ่มให้ความสนใจกับผ้าไหมไทย

            อุตสาหกรรมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและอุตสาหกรรมผ้าไหมไทยมีมูลค่าตลาดประมาณ 6,000 ล้านบาทต่อปี แม้ว่าความต้องการสำหรับผ้าไหมไทยยังคงสูงแต่พื้นที่เพื่อการเกษตรลดลง โดยในอดีตที่ผ่านมาการเลี้ยงไหมมีพื้นที่อยู่ที่ 400,000 ไร่ แต่ในปัจจุบันพื้นที่การเลี้ยงไหมและการผลิตหม่อนลดลงเหลือเพียง 100,000 ไร่

            การส่งออกผ้าไหมไทยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าทอมือ ซึ่งได้รับความนิยมในต่างประเทศโดยตลาดที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น , อิตาลี, สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส โดยผ้าไหมไทยเป็นหนึ่งในงานฝีมือที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งมากขึ้นกว่าศตวรรษที่ผ่านมาการทอผ้าไหมมีในทุกภูมิภาคแต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงเป็นศูนย์การผลิตหลัก

            ผ้าไหมไทยมีการออกแบบผ่านความคิดสร้างสรรค์ทำให้ชื่อของประเทศไทยในตลาดต่างประเทศและตลาดประเทศในกลุ่มอาเซียนเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยม ประเทศไทยจึงต้องพัฒนาการผลิตผ้าไหมและพัฒนาคุณภาพ เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาด นอกจากนี้ประเทศไทยยังถูกตั้งให้กลายเป็นศูนย์กลางผ้าไหมแห่งอาเซียนและจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมผ้าไหมในภูมิภาคอาเซียน
ที่มา http://th.aectourismthai.com/content1/2432

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น